ได้เวลาถึงคิวสัมผัส Toyota Fortuner เวอร์ชั่นจัดเต็มอย่าง GR Sport ด้วยชื่อชั้นที่อัพเกรดเพิ่มเติมทั้งดีไซน์ และสมรรถนะให้ยอดเยี่ยมไปอีกขึ้น จากรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวสุดคุ้มค่า กลายเป็นรถยอดนิยมของคนไทยอีกหนึ่งรุ่น เพิ่มเติมด้วยอรรถรสความสนุกของการขับขี่ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้แนวคิดของ Toyota Gazoo Racing ให้มีสมรรถนะที่สมบูรณ์แบบ สำหรับแฟนๆ ของฟอร์จูนเนอร์กระเป๋าหนัก
GR-Sport เสริมภาพลักษณ์อันโดดเด่นด้วยดีไซน์สปอร์ต โฉบเฉี่ยว ทรงพลัง
น้องคุกกี้ในเวอร์ชั่นนี้ยังคงมาพร้อมกับมิติตัวรถเดิมที่มีจุดเด่นเรื่องของพื้นที่การใช้งาน และความสูงในสไตล์รถ PPV ให้คุณลุยได้ทุกพื้นที่ โดยมีให้เลือกเพียงหนึ่งรุ่นคือ 2.8 GR Sport 4WD โดดเด่นด้วยกระจังหน้าทีมาพร้อมชุดแต่งสีดำเงา พร้อมสัญลักษณ์ GR ไฟหน้าแบบ LED Dual Projector มาพร้อมระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow me Home ปรับไฟหน้าสูง-ต่ำ ได้
ส่วนไฟท้ายเป็นแบบ LED Light Guiding ที่เวลาเปิดไฟเลี้ยงจะวิ่งเป็นเส้นมองเห็นได้ชัดเจน ด้านไฟเลี้ยวหน้า-หลัง เป็นแบบ LED ส่วนกระจกมองข้างใช้เป็นสีดำ ปรับและพับด้วยไฟฟ้า พร้อมระบบ Welcome Light สีภายนอกมีให้เลือก 3 แบบ สีแดงหลังคาดำ สีขาวหลังคาดำ และสีดำล้วน
ส่วนอุปกรณ์ตกแต่งอย่างมือเปิดประตูเป็นแบบสปอร์ตสีเดียวกับตัวรถ ประตูท้าย เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ ติดตั้งชุดเซนเซอร์เปิดฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick Activated ให้แร็คราวหลังคาสีดำ สปอยเลอร์หลังแบบสปอร์เฉพาะรุ่น GR Sport ปลายต่อไอเสียแบบสแตนเลส ให้เสาอากาศแบบครีบฉลาม
Toyota Fortuner GR Sport เร้าใจด้วยภายในสปอร์ตเต็มพิกัด
ภายในสีดำตกแต่งสไตล์ GR Sport ออกแบบจัดวางที่นั่งแบบ 3 แถว เบาะนั่งใช้หนัง Suede แบบเจาะรู และหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR สีดำสลับแดง ปรับไฟฟ้าด้านผู้ขับขี่และผู้โดยสาร พร้อมที่พักแขนแบบพับเก็บได้ และที่วางแก้วน้ำ ส่วนเบาะแถวสองแบบ 60:40 พร้อมระบบพับแบะยกขึ้นจังหวะเดียว เบาะที่นั่งแถวสามแบบ 50:50 ปรับเอนและพับเก็บได้
แผงคอนโซนหน้าตกแต่งด้วยแถบสี Smoke Silver บุหนังสังเคราะห์สีดำเดินด้ายแดง แผงข้างประตู ตกแต่งด้วย แถบสี Smoke Silver เช่นเดียวกัน พร้อมบุหนังสังเคราะห์สีดำ ส่วนแผงควบคุมกระจำไฟฟ้าตกแต่งด้วยสีดำเมทัลลิก มีช่องเก็บนามบัตร กระจกแต่งหน้า และไฟส่องสว่างที่ม่านบังแดดทั้งด้านผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
พวงมาลัย ปรับระดับได้ 4 ทิศทาง หุ้มหนังแบบ Soft Touch พร้อมตกแต่งเดินด้ายสีแดง และสัญลักษณ์ GR หัวเกียร์หุ้มหนัง Smoke Silver ฐานเกียร์ลายคาร์บอนไฟเบอร์ แป้นคันเร่งและเบรกแบบสปอร์ต ติดตั้งระบบสตาร์ทอัจฉริยะ และระบบเปิดประตูอัจฉริยะ กุญแจรีโมทดีไซน์เฉพาะรุ่น GR Sport มาตรวัดเรืองแสงสีขาว มาพร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ กระจกมองหลังแบบปรับลดแสดงสะท้อนอัตโนมัติ มีไฟส่องสว่างที่ประตูคู่หน้าและคู่หลัง มีสวิตซ์เลือกโหมดการขับขี่ ECO/NORMAL/SPORT
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว แบบ Capactive รองรับระบบ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto พร้อมช่องเชื่อมต่อ USB มีช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าครบ ทั้ง DC 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง AC 220 โวลต์ 1 จุด และ USB สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง 2 จุด โดยเป็นชุดเครื่องเสียงพรีเมี่ยมจาก JBL ที่มาพร้อมลำโพง 11 จุดรวมซับวูฟเฟอร์ ส่วนระบบปรับอากาศเป็นแบบแยกอัตโนมัติ ติดตั้งรอบคันทั้งแถวที่ 1 จนถึงแถวที่ 3
ระบบความปลอดภัยจัดเต็มใส่ครบ
ไฮไลท์ของระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense ใส่มาเยอะ อาทิ กล้องมองรอบคัน พร้อมมุมมองแบบ 3D ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนลมยาง ระบบควบคุมการทรงตัว และป้องกันล้อหมุนฟรี พร้อมควบคุมการส่ายของส่วนพ่วงท้ายรถ
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน และควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน ระบบควบคุมเฟืองท้าย ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติ ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมหน่วงกลับอัตโนมัติ โครงสร้างรถนิรภัยแบบ GOA พร้อมคานเหล็กนิรภัยด้านข้าง และถุงลมคู่หน้า ด้านข้าง ม่านด้านข้าง และหัวเข่าด้านคนขับ เซ็นเซอร์รอบคันกะระยะ 6 ตำแหน่ง
อัตราเร่งดี ขับสนุก ช่วงล่างเยี่ยม
เราขับเจ้า Fortuner GR Sport ผ่านกลางเมืองในช่วงเช้าที่การจราจรหนาแน่น ด้วยความที่ตัวรถค่อนข้างสูงจึงทำให้ทัศนวิสัยที่มีในการขับขี่ง่ายขึ้นเยอะเพราะสามารถมองเห็นได้ไกล ช่วงในเมืองเราอยู่ในโหมด ECO อัตราเร่งช่วงออกตัวทำได้ดีทีเดียวทันใจดี แน่นอนมันให้ความคล่องตัวในการขับขี่ ขับง่ายลัดเลาะสบาย ส่วนหนึ่งคงมาจากพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ผ่อนแรงแบบ VFC ที่น้ำหนักกำลังดี ควบคุมง่าย ผ่อนแรงเราได้เยอะ
หลุดช่วงรถติดลองกดคันเร่งดูซะหน่อย อัตราเร่งช่วงกลางดันดีติดเท้ามากครับ ขนาดอยู่โหมด ECO นะครับ ช่วงกลางไปปลายลื่นไหลดีกดไปเพลินๆทะลุ 160 แบบสบายๆ ไหนๆถนนค่อนข้างโล่งแล้วเลยลองเปลี่ยนเป็นโหมด Sport ดูซะหน่อย แตะคันเร่งลงไป อืมม ดึงหนักขึ้น อัตราเร่งดีขึ้น สัมผัสได้ชัดเจน ขับสนุกมากๆ แต่ต้องห้ามใจไว้เพราะความสนุกมันต้องแลกมากับอัตราสิ้นเปลืองที่เยอะขึ้นนั้นเอง
ต้องบอกเลยว่าเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.8 GD Super Power ที่ปรับจูนเพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 224 แรงม้า ที่ 3,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตัน-เมตร ที่ 1,600 – 2,800 รอบต่อนาที (เพิ่มขึ้นจากปกติ 20 แรงม้า / 50 นิวตัน-เมตร) ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Sequential Shift ทำหน้าที่ได้ดีขับสนุกขึ้นจริงครับ
ความเร็วเดินทางผมขับความเร็วค่อนข้างสูง ซัดตึงตลอดการเดินทาง อัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ประมาณ 9.7 กิโลเมตรต่อลิตร นี่ถ้าขับแบบไม่เร่ง ไปเรื่อยๆ 100 – 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงน่าจะทำอัตราสิ้นเปลืองได้ดีกว่านี้เยอะครับ
นอกจากเครื่องยนต์ที่ขับสนุกแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เจ้า Fortuner GR Sport ขับสนุกมากขึ้นนั้นก็คือระบบช่วงล่าง ด้านหน้าที่เป็นอิสระแบบปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริง และ เหล็กกันโคลง โช็คอัพแบบ Monotube Shock Absorber ส่วนด้านหลังแบบ 4-Link พร้อมคอยล์สปริง และเหล็กกันโคลง
โช็คอัพแบบ Monotube Shock Absorber ที่ถูกปรับเซ็ทมาได้อย่างลงตัว แน่น หนึบ แต่ยังคงให้ความนุ่มสบายอยู่ การขับความความเร็วสูงตัวรถยังคงนิ่ง และควบคุมง่าย สามารถดูดซับแรงสั่นสะเทือนของพื้นผิวถนนได้ดี การเข้าโค้งทำได้นิ่งเนียนกริ๊ป ขับง่าย แถมโดดคอสะพาน หรือรูดเนินลูกระนาด ได้สบาย
ระบบเบรกมั่นใจได้ ด้านหน้า ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน ด้านหลัง ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน หยุดรถได้อย่างมั่นใจ แน่นอนเจ้าคันนี้มันสามารถพาคุณไปได้ในทุกเส้นทางเพราะมันมาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเป็นมาตรฐาน