Lamborghini Huracan Tecnica คือ “ของใหม่” ล่าสุดแห่งแบรนด์กระทิงเปลี่ยว Lamborghini ซึ่งถือกำเนิดด้วยส่วนผสมของทั้งเวอร์ชั่น STO (Super Trofeo Omologata) และเวอร์ชั่น EVO แบบ Rear – Wheel Driveโดยมีศูนย์กลางพายุความดุเดือดอยู่ที่ ขุมพลังที่หยิบมาจาก STO ในพิกัด 5.2 ลิตรแบบ V10 ที่มีกำลังมากถึง 640 แรงม้า พร้อมแรงบิด 565 นิวตันเมตร ในการแบกน้ำหนักตัวถังที่เบาเพียง 1,379 กก. เท่านั้น
ส่วนระบบส่งกำลังมากับเกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 7 สปีด ถ่ายทอดกำลังสู่ล้อหลัง ทั้งยังมากับเทคโนโลยี Lamborghini Dinamica Veicolo Integrata (LDVI) สมองกลอัจฉริยะที่สามารถประมวลผลความต้องการล่วงหน้าของผู้ขับขี่จากการใช้งานตัวรถแบบ Real – Time ทั้งยังควบคุมได้ง่ายดาย และคล่องตัวจากระบบเลี้ยวล้อหลัง ที่ทำงานร่วมกับฟังค์ชั่นเสริมอย่างระบบ Torque Vectoring และระบบใหม่ล่าสุดอย่าง P-TCS (The new Performance Traction Control System)
ขณะที่โปรแกรมการขับขี่ก็ยังคงมีให้เลือกปรับ 3 รูปแบบ คือ Strada ที่การันตีว่าใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างสะดวกสบาย ต่อมาคือโหมด Sport ซึ่งอัพเกรดความมันส์ในการขับขี่ได้ด้วยการตอบสนองที่รวดเร็วขึ้น ตลอดจนการที่ระบบเลี้ยวหลังจะอนุญาตให้รถมีอาการ Oversteer ได้ง่ายขึ้น ภายใต้เสถียรภาพที่ควบคุมได้อย่างมั่นใจ และท้ายสุดกับโหมด Corsa ที่รีดเค้นศักยภาพสูงสุดของตัวรถออกมาให้สัมผัสแบบเต็มขั้นราวกับรถ Track Car
การันตีด้วยตัวเลขอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่เร็วสุดเพียง 3.2 วินาที จาก 0-200 กม./ชม. ใน 9.1 วินาที และท็อปสปีดสูงสุด 325 กม./ชม. … ด้วยความสามารถระดับนี้ ทำให้ระบบเบรกต้องได้รับการพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น ด้วยแรงบันดาลใจจากประสบการณ์บนสนามแข่ง เพื่อการตอบโจทย์ที่ดีทั้งสนาม และบนถนน ฉะนั้น Huracan Tecnica จึงได้รับการติดตั้งจานเบรกแบบ Carbon Ceramic มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ซึ่งได้รับการออกแบบพิเศษให้มีประสิทธิภาพสูงสุดด้านการระบายความร้อน จนสามารถหยุดความเร็วจาก 100 – 0 กม./ชม. ได้ในระยะทางเพียง 31.5 เมตรเท่านั้น
Lamborghini Huracan Tecnica ไม่ได้มีเพียงแค่เกรี้ยวกราดของขุมพลังเท่านั้น หากแต่ทั่วเรือนร่างยังเต็มไปด้วยเทคโนโลยีหลักอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง ที่มีแรงบันดาลใจมาจาก Lamborghini Essenza SCV12 เช่น ช่องดักอากาศรูปทรงตัว Y แนวนอนที่เรียกว่า Terzo Millennio’s Black Ypsilon Design บริเวณข้างไฟหน้า ที่ออกแบบให้มีความต่อเนื่องเข้ากับช่องดักอากาศกันชนหน้า ซึ่งใต้กันชน คือ ชุด Splitter ดีไซน์ใหม่ ไล่มาถึงมุมมองด้านข้างที่สะดุดตาด้วยช่องดักอากาศขนาดใหญ่ และทั้งหมดนั่นเพื่อช่วยยกระดับในเรื่องของการระบายความร้อน และเพิ่มแรง Downforce ขณะใข้ความเร็วสูงให้ดียิ่งขึ้น
วัสดุน้ำหนักเบาอย่างคาร์บอนไฟเบอร์ยังคงถูกนำมาใช้ทั้งในส่วนฝากระโปรงหน้า และฝากระโปรงหลัง ที่ต่ำลงมา คือ ชุดกันชนท้ายที่เต็มไปด้วยช่องระบายอากาศออกแบบให้รับกับ Diffuser ซึ่งรับช่วงต่อความเรียบร้อยมาจากการจัดเรียงกระแสลมใต้ท้องรถ ก่อนปิดท้ายด้วยจุดเด่นสำคัญๆ เช่น ท่อไอเสียทรง 6 เหลี่ยมทั้ง 2 ฝั่ง, และสปอยเลอร์หลัง จนได้บทสรุปที่เคลมว่าสามารถสร้างแรงกด Downforce ได้มากกว่า Huracan EVO RWD ถึง 35% แถมยังลดแรงเสียดทานอากาศได้ดีขึ้นกว่า 20%
ปิดท้ายด้านเสถียรภาพการขับขี่ ด้วยล้ออัลลอยด์ลาย Damiso ขนาด 20 นิ้ว แบบ Diamond Cut ที่มีแรงบันดาลใจมาจาก Lamborghini Vision GT รัดด้วยยางสมรรถนะสูง Bridgestone Potenza Sport ขนาด 245/30 R20 ในคู่หน้า และขนาด 305/30 R20 ในคู่หลัง