Genesis G80 เจนเนอเรชั่นที่ 3 ได่รับการเปิดตัวตามกระแสแบบ Digital World Premiere พร้อมกับนำเสนอสไตล์ของยนตรกรรมระดับผู้บริหารอย่างเด่นชัด ตามด้วยการผสมผสานความล้ำสมัยของงานออกแบบ เช่น มุมมองด้านข้างที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากยนตรกรรมคลาสสิคโบราณหลายรุ่น ผสมผสานความโดดเด่นด้วยเส้นสายที่เรียกว่า Parabolic Line ซึ่งเชื่อมตรงกับชุดไฟหน้าแบบ Quad Lamp รับกับช่องระบายอากาศที่แก้มหน้า ไล่ไปจนถึงชุดไฟท้ายด้านหลังแบบ Quad Lamps เช่นกัน
ทั้งยังมีความสะดุดตาจากล้ออัลลอยด์ขนาดใหญ่ถึง 20 นิ้ว ซึ่งมาพร้อมกับการตกแต่งบริเวณสเกิร์ตด้านข้าง ตั้งแต่หลังล้อหน้ายาวไปจนถึงด้านหลังด้วยวัสดุโครเมี่ยม ขณะที่มุมมองด้านหลังเองก็เพิ่มเติมความสะดุดตาด้วยวัสดุโครเมี่ยมในส่วนแนวยาวขอบบนของฝากระโปรงท้าย, ตราสัญลักษณ์ Genesis ส่วนดีไซน์ของชุดท่อไอเสียนั้นมาในรูปแบบเดียว Crest Grill Design
ในห้องโดยสารโดดเด่นด้วยการออกแบบพวงมาลัยให้มีลักษณะเพรียวบาง เช่นเดียวกับช่องแอร์แนวนอน ส่วนปุ่มควบคุมฟังค์ชั่นต่างๆ นั้นออกแบบให้มีจำนวนน้อย และมี Interfaces ที่ใช้งานได้ง่าย โดยมากับหน้าจอ Infotainment ขนาด 14.5 นิ้ว และหน้าจอมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว ซึ่งแสดงผลได้บนหน้าจอ Heads-Up Display
ไฮไลต์ของ Genesis G80 คือ สมรรถนะ ที่ประกอบกันขึ้นตั้งแต่ โครงสร้างตัวถังใหม่ที่ออกแบบใหม่ โดยใช้วัสดุน้ำหนักเบาอย่างอลูมิเนียมด้วยสัดส่วนถึง 19% ช่วยรีดไขมันส่วนเกินออกไปราว 125 กก. ทั้งยังดีไซน์ให้มีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำ และเหมาะสมสำหรับการขับเคลื่อนแบบหลัง
ด้านขุมพลังจะมีให้เลือก 3 รูปแบบ เริ่มจากเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบชาร์จ ในพิกัด 2.5 ลิตร 4 สูบ ที่มีกำลังมาให้ถึง 304 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงถึง 421 นิวตันเมตร ตามด้วยขนาด 3.5 ลิตร แบบ V6 กับเรี่ยวแรงสูง 380 แรงม้า และแรงบิดที่ขยับไปถึง 529 นิวตันเมตร ปิดท้ายด้วยขุมพลังดีเซล เทอร์โบ พิกัด 2.2 ลิตร แบบ 4 สูบ ที่มากับกำลัง 210 แรงม้า และแรงบิด 441 นิวตันเมตร นอกจากนี้ยังมีความล้ำสมัยของระบบช่วงล่างจัดแบบมาให้ Electronically Controlled Suspension พร้อมด้วยระบบ Road Preview ซึ่งทำงานร่วมกับกล้องมองภาพด้านหน้ารถ เพื่อทำหน้าที่ปรับแต่งระบบช่วงล่างให้เหมาะสมกับสภาพพื้นถนน เพื่อให้เกิดความสบายสูงสุด
CR.NetCarShow.com