Chevrolet เปิดตัวยนตรกรรมระดับ Iconic รุ่น Corvette C8 Stingray ที่มาพร้อมการอัพเกรดครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของสมรรถนะ อันเกิดจากเครื่องยนต์วางกลางลำแบบ Mid-Engine ในฐานะรุ่นแรกของอนุกรม Corvette หลังจากที่ปล่อยให้โลกคุ้นเคยกับรูปแบบของเครื่องยนต์วางด้านหน้ามานับแต่ยุคอดีต
จุดเด่นของเครื่องยนต์วางกลางแบบ Mid-Engine ก็คือ การกระจายน้ำหนักหน้า-หลังที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดการตอบสนอง และการควบคุมที่ดี จากการวางตำแหน่งคนขับให้อยู่ใกล้กับเพลาหน้าชนิดที่ว่าเกือบจะอยู่ด้านบนของล้อหน้าเลยทีเดียว ซึ่งผลลัพธ์ก็คืออัตราเร่งจาก 0-60 ไมล์/ชม. ที่ดีที่สุดเท่าที่ Covette รุ่นไหนๆ เคยทำมา โดยหากติดตั้งออพชั่นชุด Z51 Package เข้าจะจะได้ตัวเลขได้ที่ราวๆ 3 วินาที โดยยังรวมไปถึงการมอบทัศนวิสัยในการขับขี่ได้ราวกับกำลังนั่งอยู่ในรถแข่ง ด้วยตำแหน่งเบาะนั่งที่ออกแบบให้ต่ำ พร้อมกับยังคงไว้ซึ่งความเอนกประสงค์ ด้วยห้องเก็บสัมภาระที่สามารถจุได้ถึง 357 ลิตร
ด้านรูปลักษณ์ของ Chevrolet Corvette C8 Stingray มากับความล้ำสมัยที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากอากาศยานขับไล่ F22s และ F35s ผสมผสานด้วยสไตล์ของรถแข่ง Formula One ตลอดจนความต้องการที่จะถ่ายทอด DNA ความคลาสสิคของ Corvette ออกมาสู่ Stingray ด้วยเส้นสายที่นำเสนอความแกร่ง และปราดเปรียว ผ่านรายละเอียดต่างๆ เช่น ชุดไฟหน้าดีไซน์เรียบง่าย แต่โดดเด่นด้วยโคม Projector รูปแบบใหม่ ตามด้วยมือจับเปิดประตู ตลอดจนที่เปิดฝากระโปรง ซึ่งออกแบบให้ซุกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
เสริมประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์ และการระบายความร้อน ด้วยงานออกแบบช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ตลอดจนเสา A-Pillar ที่ดีไซน์ให้มีความเฉียบคม เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ ขณะที่ด้านหลังมากับฝากระโปรงท้ายซึ่งออกแบบให้ชมความงามของขุมพลัง ประกบด้วยช่องระบายอากาศ 7 ตำแหน่งรอบด้าน พร้อมกับเติมความดุดันด้วยชุดท่อไอเสียคู่ซ้าย-ขวา รวมถึงความโดดเด่นจากการใช้ระบบไฟ LED ในส่วนของชุดไฟท้าย และไฟเลี้ยวแบบอนิเมชั่น
ภายในห้องโดยสารจัดวางตำแหน่งใหม่ โดยการขยับไปด้านหน้ามากขึ้น 42 ซม. พร้อมด้วยงานออกแบบในสไตล์ค็อกพิทเครื่องบิน ซึ่งรายล้อมไปด้วยออพชั่นต่างๆ เพื่อให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็ยังคงมอบพื้นที่อันกว้างขวาง และสะดวกสบาย เช่นเดียวกับมาตรฐานการเลือกใช้วัสดุที่ยกระดับสู่ความหรูหราพรีเมี่ยมเต็มรูปแบบ ทั้งยังมีออพชั่นการตกแต่งให้เลือกได้ถึง 2 สไตล์ คือ GT1 ที่เน้นความสปอร์ต และ GT2 ซึ่งเป็นครั้งแรกของ Corvette กับความสปอร์ตเต็มขั้น ด้วยการนำแรงบันดาลใจจากรถแข่งมาใช้
ด้านขุมพลังของ Chevrolet Corvette C8 Stingray มากับของแรงพิกัด 6.2 ลิตรแบบ V8 ไร้ระบบอัดอากาศ ที่มากำลังสูงสุด 495 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 637 นิวตันเมตร ที่เรียกได้ว่าทรงพลังที่สุดเท่าที่เคยมีมาในสารบบ Corvette ส่วนระบบส่งกำลังนั้นเป็นครั้งแรกที่เลือกใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด คลัทช์คู่ DCT พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift และรูปแบบการขับขี่สามารถปรับได้ 6 สไตล์ คือ Weather, Tour, Sport, Track, MyMode และ Z Mode
นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ยกระดับความสามารถของ Corvette C8 Stingray ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานอีกมากมาย เช่น การปรับอัตราทดพวงมาลัยใหม่ที่ช่วยให้เกิดการตอบสนองได้เฉียบคม รวดเร็ว ตลอดจนระบบช่วงล่างที่สามารถยกด้านหน้าขึ้นได้ 40 มม. ใน 2.8 วินาที สำหรับเลี่ยงเส้นทางที่ไม่เอื้ออำนวยในการขับขี่ โดยจะทำงานที่ความเร็วราวๆ 24 ไมล์/ชม. หรือไม่เกิน 40 กม./ชม. และสามารถตั้งโปรแกรมให้ทำงานอัตโนมัติผ่าน GPS ซึ่งจดจำตำแหน่งได้สูงสุดถึง 1,000 จุดเลยทีเดียว ขณะที่ระบบ Launch Control ที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานก็มีประสิทธิภาพมากขึ้น กับรถขับเคลื่อนล้อหลัง และทำให้ C8 Stingray สามารถออกตัวจากจุดหยุดนิ่งได้เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Covette เลยทีเดียว
CR.NetCarShow.com