Maybach GLS คือ ยนตรกรรมที่แบรนด์ Mercedes ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อราว 2 ปีก่อนพร้อมด้วยการวางตำแหน่งให้เป็นรถอเนกประสงค์สุดหรู และล้ำสมัยด้วยแนวทางแห่งอนาคตของการขับเคลื่อนในสไตล์ EV (Electric Vehicles) ซึ่งนั่นถือว่า “ใช่” สำหรับชื่อเสียงมาตรฐานของ Mercedes-Maybach GLS 600 4Matic
แต่คง “ไม่” ถ้าอยู่ภายใต้อำนาจการปฏิวัติโดย After Market ชั้นนำอย่าง Brabus ที่หยิบเอา Mercedes-Maybach GLS 600 4Matic มาจัดระเบียบใหม่ให้กลายเป็น SUV ทรงพลัง ในชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Brabus 800
โดยรายละเอียดของการปรุงแต่ง จะประกอบด้วยไปด้วย หลักการทางอากาศพลศาสาตร์ เพื่อนำเอาวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ มาสร้างชิ้นงาน Aerodynamic Parts เช่น Splitter ใต้กันชนหน้า และกรอบช่องดักอากาศ Air Intake สำหรับช่วยลดแรงยก ขณะใช้ความเร็วสูง ส่วนในด้านหลังมากับความดุดันของชุด Diffuser กันชนท้าย ซึ่งประกบทั้ง 2 ฝั่งด้วยชุดท่อไอเสีย Brabus Sport Exhaust อย่างลงตัว ก่อนปิดงานด้วยการเปลี่ยนงานโครเมี่ยมทั้งหมดของภายนอก ให้กลายเป็นโทนสีเทาเข้ม Shadow Gray เพื่อรับกับตัวถังโทนสีดำ
ส่วนทีเด็ดอยู่ที่ขุมพลัง ซึ่ง Brabus ได้เนรมิตเครื่องยนต์เบนซิน 4.0 ลิตร V8 Twin-turbo พ่วงระบบ EQ Boost ที่มีกำลังพื้นฐาน 557 แรงม้า และแรงบิด 730 นิวตันเมตร ให้มีความบ้าพลังขึ้นมาในระดับ 800 แรงม้า พร้อมแรงบิด 950 นิวตันเมตร จากการเปลี่ยนไปใช้ Turbochargers จาก Brabus
อีกทั้งไม่ใช่แค่อัพเกรดพละกำลังเท่านั้นที่ Brabus ทำ หากแต่ยังรวมถึงการเพิ่มเสถียรภาพในการขับ ที่เริ่มจากการเปลี่ยนล้ออัลลอยด์ใหม่ไปใช้ขนาด 24 นิ้วรุ่น Monoblock M Platinum Edition รับกักบขอบซุ้มล้อที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ตามด้วยการปรับเซ็ทช่วงล่างระบบถุงลม Airmatic Air Suspension System ใหม่ โดยลดความสูงลงจากเดิม 25 มม. หรือราว 1 นิ้ว
เพื่อความสมบูรณ์ในองค์ประกอบการสร้างสรรถนะ ซึ่ง Brabus การันตีว่าสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 4.5 วินาที ที่แม้จะไม่ใช่ความดุเดือดระดับ Super Car แต่นั่นก็มากพอหากเทียบกับตัวถังที่มีขนาดใหญ่โต และน้ำหนักที่มากเกินกว่า 2 ตัน ขณะที่ความเร็วสูงสุดก็มีการจำกัดเอาไว้ที่ราวๆ 300 กม./ชม.
