BMW 4-Series Convertible คือ อีกหนึ่งอรรถสของยนตรกรรมสายสปอร์ตจากค่ายใบพัดฟ้า-ขาว เพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบยนตรกรรมสไตล์เปิดหลังคาแบบ 4 ที่นั่ง ซึ่งมีความแตกต่างจากเจนเนอเรชั่นที่ผ่านมา ด้วยชุดหลังคาเปิดประทุนดีไซน์ใหม่แบบผ้าใบ Softtop ที่ว่ากันว่าเป็นการรวมเอา “ข้อดี” ของหลังคาแข็งเปิดประทุนแบบ Retractable Hardtop เข้าไว้ด้วยกัน เช่น น้ำหนักที่เบากว่าถึง 40 เปอร์เซ็นต์ และสามารถเปิด หรือ ปิดด้วยไฟฟ้าได้เร็วกว่าเดิม ด้วยเวลาเพียง 18 วินาที ขณะที่รถกำลังวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 31 ไมล์/ชม. หรือ 49 กม./ชม.
บนมิติตัวถังที่กำหนดความยาวไว้ที่ 4,768 มม. ความกว้าง 1,852 มม. ความสูง 1,384 มม. และความยาวระยะฐานล้อ 2,851 มม. เพื่อยกระดับสมรรถนะการควบคุม รวมทั้งเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ให้มีความสปอร์ตมากขึ้น ร่วมกับงานออกแบบที่โดดเด่น ด้วยชุดกระจังหน้า BMW Kidney Grille แนวตั้งขนาดใหญ่ จากการนำเอาจุดเด่นของยนตรกรรมยุคอดีตอย่าง BMW 328 และ BMW 3.0 CSi กลับมาร่วมงานดีไซน์ให้มีความทันสมัยมากขึ้น รับกับเส้นสายที่ต่อเนื่องจากบนฝากระโปรง พร้อมด้วยการสร้างจุดเด่นด้วยชุดไฟหน้าแบบ LED พร้อมชุดไฟ Daytime Driving Lights แบบ Fibre-Optic รูปทรง U-Shaped และชุดไฟตัดหมอกแบบ LED ประจำการอยู่ที่ช่องดักอากาศทั้ง 2 ฝั่ง
ในมุมมองด้านข้างของ 4-Series Convertible แสดงออกถึงแนวเส้นที่ลาดต่ำ ที่ช่วยเน้นความทรงพลัง โดยเฉพาะเมื่อเปิดหลังคา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงเส้นสายโค้งจากแนวหลังคาต่อเนื่องจากเหนือห้องโดยสาร ไปถึงมุมมองด้านท้ายที่ประกอบด้วยชุดไฟท้ายรูปทรง L-Shape โทนสีเข้ม รับกับชุดกันชนหลังที่มาพร้อม Diffuser และท่อไอเสียทรงกลม Dual-Branch Tailpipes ทั้ง 2 ฝั่ง
ห้องโดยสารภายในยังคงมากับมาตรฐานของ The 4-Series ที่เน้นความหรูหรา ผสมผสานด้วยความสปอร์ต และฟังค์ชั่นอำนวยความสะดวกสบายที่ครอบครัน และวัสดุเกรดพรีเมี่ยมคุณภาพสูง เน้นโทนสีดำเงา High-Gloss Black ตัดสลับกับโทนสีขาวมุกแบบ Pearl-Effect Chrome และลายไม้ Fine Wood ตลอดจน Aluminium Mesh Effect ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้ด้วยชุดแพคเกจ BMW Individual Interior Trim Strip
สำหรับขุมพลังของ 4-Series Convertible ยังคงมีทางเลือกหลักเป็นเครื่องยนต์เบนซิน และดีเซล ทั้งแบบ 4 สูบ และ 6 สูบ เสริมด้วยระบบอัดอากาศ BMW TwinPower Turbo พร้อมระบบ Mild Hybrid จากแบตเตอรี่ขนาด 48 โวลต์ ทำหน้าที่เป็น Starter-Generator เพื่อช่วยยกระดับประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง ตลอดจนระบบส่งกำลังที่ยังคงเป็นแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic
โดยรุ่นย่อยที่มีให้เลือกจะประกอบด้วย BMW 420i Convertible เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พิกัด 2.0 ลิตร 184 แรงม้า และแรงบิด 300 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 8.2 วินาที ตามด้วย BMW 430i Convertible เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ พิกัด 2.0 ลิตร 258 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร กับการทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ใน 6.2 วินาที
ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล เริ่มต้นด้วย BMW 420d Convertible พิกัด 2 ลิตร 4 สูบ 190 แรงม้า และแรงบิด 400 นิวตันเมตร กับอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 7.6 วินาที โดยมีบล็อกใหญ่อยู่ที่พิกัด 3.0 ลิตร แบบ 6 สูบในรุ่นย่อย BMW 430d Convertible พละกำลัง 286 แรงม้า และแรงบิด 650 นิวตันเมตร พร้อมอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 5.9 วินาที
ขณะที่รุ่นท็อปสุดแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ BMW xDrive พร้อมระบบส่งกำลังแบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด Steptronic Sport จะมีให้เลือกอีก 2 รุ่น คือ M440i xDrive Convertible เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ขนาด 3.0 ลิตร พร้อมการอัพเกรดพละกำลังไปที่ถึง 374 แรงม้า พร้อมแรงบิด 500 นิวตันเมตร และอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 4.9 วินาที ซึ่งมากับรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล BMW M440d xDrive Convertible กับเรี่ยวแรง 340 แรงม้า และแรงบิดมากถึง 700 นิวตันเมตร กับอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ทำได้ในเวลาเพียง 5.1 วินาที
CR.NetCarShow.com