แบรนด์ Audi เผยรายเอียดล่าสุดของโมเดล E-Tron อย่างเป็นทางการ โดยจะมาพร้อมการตอกย้ำที่ชัดเจนมากขึ้น ด้วยการเพิ่มชื่อรุ่นรถใส่เข้าไป นำร่องด้วย Audi Q8 E-Tron ที่มีประเด็นสำคัญก็คือ การยกระดับให้เป็นรถเอนกประสงค์พลังไฟฟ้ารุ่นเรือธง Flagship Electric SUV ของแบรนด์นั่นเอง
โดย Audi Q8 E-Tron จะยังคงทำตลาดด้วย 2 ทางเลือกตัวถังเช่นเคย คือ แบบ SUV และแบบ Sportback พร้อมด้วยการปรับเปลี่ยนดีไซน์ให้มีความสปอร์ต โดดเด่นมากขึ้น เช่น ด้านหน้าที่สะดุดตากับชุดกระจังหน้า สามารถเปิด – ปิด ช่องดักอากาศได้จากระบบ Self-Sealing System ควบคุมด้วยไฟฟ้า ลงตัวกับชุดไฟหน้าที่ออกแบบให้มีเอกลักษณ์ รับกับส่วนบนของชุดกระจังที่มีระบบส่องสว่างเช่นกัน
ทั้งยังรวมถึงองค์ประกอบรอบคัน เช่น สปอยเลอร์ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง ที่ส่งผลด้านอากาศพลศาสตร์ ก็ได้รับการปรับแต่งใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้โดยรวมแล้ว Audi Q8 E-Tron มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศดีขึ้นเป็น 0.27 Cd จากเดิมของ Audi E-Tron ที่ 0.28 Cd ในเวอร์ขั่นตัวถัง SUV ขณะที่เวอร์ชั่นตัวถัง Sportback ดีขึ้นจากเดิม 0.26 Cd ขึ้นมาเป็น 0.24 Cd
ภายในห้องโดยสารจะมากับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครันเช่นเดิม โดยมีจุดเด่นก็คือ หน้าจอแสดงผลความละเอียดสูงทั้งหมด ตั้งแต่ หน้าจอแสดงผลสำหรับผู้ขับขี่, หน้าจอกลางสำหรับระบบ Infotainment ขนาด 10.1 นิ้ว ตามด้วยหน้าจอควบคุมระบบ HVAC ขนาด 8.6 นิ้ว ตลอดจนหลังคาแบบ Panoramic Glass Roof พร้อมแผ่นบังแสง, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ ที่สามารถอัพเกรดเป็นแบบแยกอิสระ 4 ตำแหน่งได้ รวมไปถึงการติดตั้งระบบนวดในเบาะนั่งคู่หน้าเช่นกัน
ไฮไลต์ของ Audi Q8 E-Tron ก็คือ สมรรถนะ ซึ่งจะมากับ 2 ความจุแบตเตอรี่ ประกอบด้วยรุ่นย่อย Q8 50 E-Tron ที่ใช้แบตเตอรี่ขนาด 89 กิโลวัตต์/ชม. มีกำลังสูงสุดอยูที่ 335 แรงม้า พร้อมแรงบิด 664 นิวตันเมตร ทำอัตราเร่งจาก 0- 100 กม./ชม. ได้ใน 6 วินาที และสามารถวิ่งทำระยะทางสูงสุดได้ที่ 491 กม. ในรุ่นตัวถัง SUV และ 505 กม. ในรุ่นตัวถัง Sportback
ขยับขึ้นมาจะเป็นรุ่นย่อย Q8 55 E-Tron จะใช้แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 104 กิโลวัตต์/ชม. ให้กำลังสูงสุด 402 แรงม้า พร้อมแรงบิด 664 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ดีขึ้นเป็น 5.6 วินาที เช่นเดียวกับระยะทางวิ่งที่ทำได้สูงสุด 582 กม. ในรุ่นตัวถัง SUV และ 600 กม. ในรุ่นตัวถัง Sportback
ท้ายสุดเป็นของแรงรุ่น SQ8 E-Tron ที่มีมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งหมด 3 ตัว คือ เพลาล้อหน้า 1 ตำแหน่ง และล้อคู่หลัง 2 ตำแหน่ง ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาด 104 กิโลวัตต์/ชม. แต่มีเรี่ยวแรงมากถึง 496 แรงม้า ขณะที่แรงบิดพุ่งไปถึง 973 นิวตันเมตร อัตราเร่งสุดโหดจาก 0 – 100 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที ส่วนระยะทางการวิ่งของรุ่นตัวถัง SUV จะอยู่ที่ 494 กม. และรุ่นตัวถัง Sportback ที่ 513 กม.
ในส่วนของการชาร์จไฟ Q8 50 E-Tron สามารถรองรับการชาร์จแบบ DC ด้วยกำลังไฟสูงสุด 150 กิโลวัตต์ ส่วนรุ่น 55 และ SQ8 จะรองรับกำลังไฟสูงสุด 170 กิโลวัตต์ ซึ่งภายในระยะเวลาการชาร์จเพียง 31 นาที ก็สามารถวิ่งได้ถึงราวๆ 421 กม. เลยทีเดียว ส่วนการชาร์จไฟแบบ AC นั้นจะรองรับกำลังไฟได้สูงสุดอยู่ที่ 11 กิโลวัตต์ แต่ก็สามารถอัพเกรดให้รองรับมากถึง 22 กิโลวัตต์ได้ด้วย
นอกจากนี้ระบบช่วงล่างยังมากับระบบ Air Suspension ที่สามารถปรับความสูงของรถได้ถึงราว 76 มม. ขึ้นอยู่สถานการณ์ในการขับ ขณะเดียวกับระบบพวงมาลัยก็ได้รับการปรับอัตราทดใหม่ เพื่อให้ตอบสนองได้อย่างเฉียบคมมากขึ้นอีกด้วยเช่นกัน
