Bentley Continental GT Speed ตอกย้ำความเป็นที่สุด

0

Bentley Motors เผยรายละเอียด Bentley Continental GT Speed เจนเนอเรชั่นล่าสุด ที่มากับฐานะของ Road Car ที่มีสมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ 101 ปีของแบรนด์ Bentley เพื่อตอกย้ำความเป็นที่สุดแห่งยนตรกรรม Luxury Grand Tourer ระดับมาตรฐานโลก

สำหรับ Bentley Continental GT Speed เจนเนอเรชั่นล่าสุดได้รับการพัฒนา และสร้างสรรค์ขึ้นที่โรงงาน Bentley’s Carbon Neutral Luxury Automotive Factory โดยมีโมเดล GT Speed ถือเป็นรุ่นที่ 3 ของอนุกรม ซึ่งสืบทอดมาตั้งแต่เจนเนอเรชั่นแรกในปี 2007 ที่มีแรงบันดาลมาจากรุ่นเก๋าอย่าง Bentley 3 Litre แห่งยุคปี 1920 ที่นำมาผสมผสานความเป็นที่สุด ทั้งในแง่ของความหรูหราและสมรรถนะในสไตล์ยนตรกรรม Grand Touring

เริ่มจากภายนอกที่มากับความแข็งแกร่ง จากการพัฒนาเส้นสายให้ชัดเจนยิ่งขึ้นสำหรับความเป็นรุ่น GT Speed พร้อมกับยังคงไว้ซึ่งความสง่างามของสายพันธ์ Continental GT เสริมด้วยความดุดันจากโทนสีเข้มๆ แบบ Dark Tint ในส่วนชุดกระจังหน้า และช่องดักอากาศบริเวณชุดกันชนหน้า ไล่ไปจนถึงส่วนของซุ้มล้อ และขอบประตู ตัดด้วยความหรูจากตราสัญลักษณ์ Spedd โทนสีโครเมี่ยมบริเวณแก้มหน้า นำสายตาสู่ล้ออัลลอยด์สีเงิน Bright Silver ขนาด 22 นิ้ว

สำหรับภายในห้องโดยสารนำเสนอความเชี่ยวชาญในสร้างสรรค์ยานยนต์ระดับโลก ด้วยชิ้นงานแบบ Handcrafted จากวัสดุเกรดพรีเมี่ยม ตามด้วยรายละเอียดที่บ่งบอกความเป็นรุ่น GT Speed รวมถึงสามารถปรับให้มีเอกลักษณ์เฉพาะได้ ในกรณีที่ผู้ครอบครองรถต้องการ

สมรรถนะของ Continental GT Speed เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์เบนซินพิกัด 6.0 ลิตรแบบ W12 TSI พ่วง win-Turbocharged ที่ได้รับการอัพเกรดใหม่ จนสร้างเรี่ยวแรงสูงสุดได้ถึง 650 แรง หรือเพิ่มขึ้น 24 แรงม้า พร้อมด้วยแรงบิดมหาศาลที่ตัวเลข 900 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยชุดเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด คลัทช์คู่ ซึ่งสามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.6 วินาที พร้อมท็อปสปีดสูงสุดที่ทำได้ถึง 335 กม./ชม.

ทั้งยังเพิ่มอรรถรสความเร้าใจด้วยระบบ Electronic All-Wheel Steering เจนเนอเรชั่นล่าสุด ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวก คล่องตัวมากขึ้นเมื่อขับขี่ด้วย Comfort Mode ขณะเดียวกันก็สร้างความมั่นใจได้มากยิ่งขึ้นเมื่อปรับเปลี่ยนเป็น Sport Mode ด้วยการทำงานที่ประกอบด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Active All-Wheel Drive ร่วมกับระบบช่วงล่างแบบ Bentley’s Three-Chamber Active Air Suspension ที่ควบคุมผ่านระบบ Bentley Dynamic Ride ทั้งในส่วนของชุดโช๊คอัพ Adaptive Damping และเหล็กกันโคลง Active Anti-Roll ซึ่งระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์

รวมไปถึงการชุดเฟืองท้ายแบบ (eLSD – Electronic Limited Slip Differential) ที่เสริมด้วยระบบ Traction Control and Torque Distribution ที่จะข่วยควบคุมเสถียรภาพ และป้องกันการลื่นไถล ผ่านการจัดสรรแรงบิดขณะขับขี่ ตลอดจนการเพิ่มเสถียรภาพด้วยระบบ Electronic Stability Control (ESC) เพื่อช่วยเพิ่มศักยภาพการขับขี่ให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

 

CR.NetCarShow.com

Comments are closed.