นิสสัน ประเทศญี่ปุ่น ประกาศยอดขายสะสมรถยนต์ที่ใช้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ มากกว่า 500,000 คัน ณ สิ้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ใช้เครื่องยนต์เบนซินประสิทธิภาพสูงในการผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อส่งต่อให้มอเตอร์ไฟฟ้าใช้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนตัวรถ ให้ความรู้สึกเงียบภายในห้องโดยสาร และได้ความสนุกในการขับขี่ด้วยอัตราเร่งที่ทันใจแบบรถยนต์ไฟฟ้า แต่มอบความสะดวกสบายและอุ่นใจด้วยการเติมน้ำมันแทนการชาร์จไฟจากภายนอก
เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เปิดตัวครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น ในรุ่น นิสสัน โน๊ต รถยนต์แบบคอมแพคในเดือนพฤศจิกายน ปี 2559 ตั้งแต่นั้นมาโน๊ต อี-พาวเวอร์ ก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี และยังได้รับรางวัลรถยนต์ที่ขายดีที่สุดในประเทศญี่ปุ่นประจำปี 2561*
ในเดือนมีนาคมปี 2561 ได้มีการเปิดตัวรถมินิแวน เซเรน่า อี-พาวเวอร์ ตามด้วย คิกส์ อี-พาวเวอร์ ใหม่ ในเดือนมิถุนายน 2563 พร้อม ๆ กับบางประเทศในทวีปเอเชีย ซึ่งทำให้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ แพร่หลายมากยิ่งขึ้น และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันก็ได้มีการเปิดตัว นิสสัน โน๊ต ใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ เจนเนอร์เรชั่นที่สอง
ในเดือนมีนาคมปี 2564 ได้มีการเปิดตัว แคชไค อี-พาวเวอร์ ใหม่ ในตลาดยุโรปหลังจากมีการเปิดตัวรุ่น เครื่องยนต์แบบ Mild Hybrid ไปก่อนหน้านี้ นับเป็นการเปิดตัวเทคโนโลยี อี-พาวเวอร์ ครั้งแรกในทวีปยุโรป และในงานเซี่ยงไฮ้ มอเตอร์โชว์ปี 2564 ที่จะถึงนี้ ก็จะมีเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ในประเทศจีนด้วยเช่นกัน
นอกจากอัตราเร่งที่ทรงพลังและตอบสนองที่ยอดเยี่ยมแล้ว ในด้านประสิทธิภาพการขับขี่และคุณสมบัติในการเร่งและชะลอความเร็วด้วยแป้นคันเร่งเพียงแป้นเดียว ก็ยังโดดเด่นไม่เป็นรองใคร
นิสสันได้กำหนดเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์จากทั้ง กระบวนการผลิต และวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์** ของบริษัทภายในปี 2593 ซึ่งจะส่งผลให้รถยนต์นิสสันทุกรุ่นที่จะออกสู่ตลาดภายในช่วงต้นทศวรรษ 2030 จะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ทั้งหมด
ควบคู่ไปกับรถยนต์ไฟฟ้า 100% นิสสันยังกำหนดให้ อี-พาวเวอร์ เป็นหัวใจหลักของกลยุทธ์ยานยนต์ไฟฟ้าและจะขยายไลน์ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย
* ยอดขายโน๊ต ประกอบด้วย โน๊ต รุ่นมาตรฐานและ โน๊ต อี-พาวเวอร์ โดยรุ่น อี-พาวเวอร์ คิดเป็นประมาณ 70% ของยอดขาย
** รวมถึงการสกัดวัตถุดิบ การผลิต การใช้งาน และการรีไซเคิลหรือการใช้ซ้ำของยานพาหนะที่หมดอายุการใช้งาน