Mercedes-Benz AMG GT Black Series คือ ผลงานยกระดับอันทรงพลังของเครื่องยนต์ AMG V8 seriesที่สืบเชื้อสายโดยตรงมาจากรถแข่ง AMG GT3 เพื่อนำเสนอความดุดันจากขุมพลังเบนซินพิกัด 4.0 ลิตร V8 Bi-Turbo ซึ่งส่งมอบเรี่ยวแรงระดับ 730 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลที่ 800 นิวตันเมตร ผ่านชุดเกียร์อัตโนมัติ AMG Speedshift DCT แบบ 7 สปีด Dual Clutch พร้อมฟังค์ชั่นปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT ที่มีให้เลือก 3 โหมดหลัก คือ “Comfort”, “Sport” และ “Sport Plus” โดยสามารถขยับตัวจากจุดหยุดนิ่งไปถึง 100 กม./ชม. ได้ในเวลา 3.2 วินาที และถึง 200 กม./ชม. ได้ในต่ำกว่า 9 วินาที พร้อมท็อปสปีดสูงสุดที่ 325 กม./ชม.
ส่วนระบบช่วงล่างนั้นมากับชุด AMG Coil-Over Suspension พร้อมระบบ Adaptive Adjustable Damping ทั้งยังมีการนำวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์เข้ามาเป็นส่วนประกอบเพื่อลดน้ำหนัก ตลอดจนการติดตั้งชุดเหล็กกันโคลงที่ปรับค่าความแข็ง ตลอดจนสามารถปรับค่าแคมเบอร์ได้
ขณะที่ล้ออัลลอยด์นั้นมากับขนาด 19 นิ้วในด้านหน้า และขนาด 20 นิ้วในด้านหลัง รัดด้วยยางจากแบรนด์ MICHELIN ที่ร่วมกันพัฒนาขึ้นมาเป็นพิเศษ ก่อนปิดท้ายด้านสมรรถนะด้วยความมั่นใจในการขับขี่จากระบบเบรกแบบ AMG Ceramic
แต่ความพิเศษของยนตรกรรมจากตระกูล Black Series ไม่ได้มีแค่เรื่องของสมรรถนะ หากยังรวมถึงการแสดงความดุดันที่ถ่ายทอดผ่านการออกแบบรูปลักษณ์ อันเต็มไปด้วยผลงานด้านอากาศพลศาสตร์ขั้นสูง จากผลงานที่สร้างขึ้นให้กับรถแข่ง AMG GT3 และ AMG GT4 ซึ่งประกอบด้วย ชุดกระจังหน้าที่มากับขนาดใหญ่โต เพิ่มความดุดันด้วยโทนสี Dark Chrome ประกบ 2 ฝั่งด้วยช่องดักอากาศขนาดเล็ก สำหรับให้อากาศช่วยระบายความร้อนระบบเบรก เสริมด้วยครีบรีดอากาศด้านข้าง และการติดตั้ง Splitter ด้านหน้าที่ปรับได้ และทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อช่วยเพิ่มแรงกด Downforce ขณะที่ฝากระโปรงคาร์บอนไฟเบอร์ด้านหน้านั้นมากับช่องระบายอากาศขนาดใหญ่ 2 ตำแหน่ง ที่เพิ่มความโหดด้วยโทนสีดำตัดกับสีของตัวรถ เช่นเดียวกับในส่วนของหลังคา ซึ่งทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ เช่นกัน
ส่วนด้านหลังนั้นมากับชุด Diffuser ขนาดใหญ่ ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ ประกบด้วยชุดท่อไอเสียแบบ Twin Tailpipe ทั้ง 2 ฝั่ง ขณะที่ด้านบนติดตั้ง Rear Wing คาร์บอนไฟเบอร์แบบ 2 ชั้น ซึ่งสามารถปรับได้ถึง 20 องศา เพื่อช่วยทั้งในเรื่องของอากาศพลศาสตร์ และการเบรกแบบเต็มสมรรถนะ นอกจากนี้ยังมีการจัดการเรื่องของกระแสลมใต้ท้องรถ ด้วยการติดตั้งแผ่นปิด ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อการจัดเรียงกระแสลม และการระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพ
ด้านภายในห้องโดยสารยังคงมากับอารมณ์ของ AMG GT แต่มีการปรับเปลี่ยนสไตล์ และวัสดุขึ้นใหม่ เช่น วัสดุหนัง Nappa และ DINAMICA microfiber โทนสีดำ ตัดสลับด้วยโทนสีส้มของการตัดเย็บ และคาร์บอนไฟเบอร์ เสริมด้วยออพชั่น AMG Interior Night Package เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เช่นเดียวกับเบาะนั่ง AMG Carbon-Fibre Bucket Seats, พวงมาลัย AMG Performance Steering Wheel
CR.NetCarShow.com