Mercedes-Benz เผยโฉม Compact SUV พิกัดเล็ก เจนเนอเรชั่นล่าสุดรุ่น Mercedes-Benz GLA เวอร์ชั่นล่าสุดที่มาพร้อมการอัพเกรดใหม่ ตั้งแต่มิติตัวถังที่สูงขึ้นจากเดิมอีกราว 10 ซม. เป็น 1,611 มม. บนความยาวตัวรถที่ 4,410 มม., ความกว้าง 1,834 มม. และความยาวฐานล้อที่ 2,729 มม.
ส่วนการออกแบบยังคงมากับสไตล์ Off-Road เที่เน้นภาพความแข็งแกร่ง ด้วยระยะโอเวอร์แฮ็งค์สั้น รับกับมุมมองด้านหน้าที่วางองศาตั้งฉาก และสร้างจุดเด่นด้วยชุดกระจังหน้าแบบ Mercedes-Benz SUV รับกับฝากระโปรงหน้าทรง Powerdomes ขณะที่มุมมองด้านข้างดูสปอร์ตด้วยงานดีไซน์กระจกบังลมแบบ Coupe เสริมความดุดันด้วยล้ออัลลอยด์ขนาด 20 นิ้ว อีกทั้งในเวอร์ชั่น Off-Road ยังเสริมอารมณ์สายลุยด้วย Under Guard ทั้งด้านหน้า และด้านหลัง โดยที่ด้านหลังนั้นสะดุดตาด้วยชุดไฟท้าย 2 ชิ้น
ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่ เพิ่มจุดเด่นจากงานดีไซน์ช่องแอร์แบบ Turbine Look ตามด้วยการติดตั้งออพชั่นมาตรฐานที่ครบครัน เช่น ระบบความบันเทิงจากชุด Infotainment MBUX System ทั้งยังมากับคุณสมบัติด้านความอเนกประสงค์ กับเบาะนั่งผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้าที่ปรับเปลี่ยนตำแหน่งให้สูงขึ้นราว 140 มม. เพื่อทัศนวิสัยที่ดี และลงตัวกับสไตล์ของรถ SUV ขณะที่พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังปรับพับได้แบบ 40:20:40 เพื่อเพิ่มพื้มที่เก็บสัมภาระ นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งระบบ Driving Assistance Systems เจนเนอเรชั่นล่าสุดมาให้ โดยจะมีการอัพเกรดฟังค์ชั่นเพิ่มเติม แต่จะมีความต่างในแต่ละรุ่น แต่ละประเทศที่จำหน่าย
ทั้งยังมีไฮไลต์ด้านเทคโนโลยีสุดล้ำ ในฐานะของการเป็นโมเดลแรกที่ติดตั้งออพชั่นแบบเดียวกับพี่ใหญ่ GLS กับระบบ Car Wash Function ซึ่งจะทำหน้าที่เตรียมพร้อมรถ เมื่อต้องเข้าสู่การล้างกับเครื่องล้างรถอัตโนมัติ ทั้งการพับกระจกมองข้าง, การปิดกระจกบังลม และหลังคา Sun Roof พร้อมกับหยุดการทำงานของใบปัดน้ำฝน และเปลี่ยนการทำงานของระบบปรับอากาศเป็นแบบหมุนวนภายในรถ หลังจากนั้นกล้อง 360 องศาจะทำงาน (ถ้าติดตั้ง) เพื่อแสดงภาพด้านหน้า และระบบจะปิดการทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อเคลื่อนรถออกจากเครื่องล้าง หรือใช้ความเร็วเกินกว่า 20 กม./ชม.
สำหรับสมรรถนะ มากับทางเลือกความเร้าใจทั้งขุมพลังเบนซิน และดีเซล โดยเริ่มจากรุ่นพื้นฐาน GLA 200 เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส M282 พิกัด 1.33 ลิตร กำลังสูงสุด 163 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด (7G-DCT) ขยับขึ้นมาจะเป็นรุ่น GLA 250 รหัสเครื่องยนต์ M 260 พิกัด 2.0 ลิตร พละกำลัง 225 แรงม้า และแรงบิด 350 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด (8G-DCT) และมีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ และรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ให้เลือก
ด้านขุมพลังดีเซลมากับรุ่น GLA 220 d เครื่องยนต์รหัส OM 654 พิกัด 2.0 ลิตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด (8G-DCT) ทุกรุ่น โดยจะแบ่งเป็นแบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ 4MATIC ทั้งรุ่น 150 แรงม้า พร้อมแรงบิด 320 นิวตันเมตร และรุ่น 190 แรงม้า พร้อมแรงบิด 400 นิวตันเมตร
และสำหรับสาวก AMG พลาดไม่ได้กับรุ่นย่อย Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC เครื่องยนต์พิกัด 2.0 ลิตร 4 สูบ ที่จัดเต็มด้วยระบบวาล์วแปรผัน CAMTRONIC, ระบบอัดอากาศ Twin-Scroll Turbocharged, ชุดไอเสียแบบ AMG Exhaust System และระบบ CONICSHAPE เพื่อช่วยลดแรงเสียดทานครื่องยนต์ขณะทำงาน
มาพร้อมกับพละกำลังระดับ 306 แรงม้า และแรงบิดที่ 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด (AMG SPEEDSHIFT DCT 8G) สู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ AMG Performance 4MATIC Variable All-Wheel Drive เสริมสมรรถนะด้วยระบบช่วงล่างแบบ AMG Suspension กับฟังค์ชั่น AMG DYNAMIC SELECT ที่เลือกได้ 5 โหมดการขับขี่ คือ Slippery, Comfort, Sport, Sport + และ Individual ส่วนอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. นั้นตอกเอาไว้ที่ 5.1 วินาที
CR.NetCarShow.com