“ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เปิดราคาพร้อมวางจำหน่าย

0

บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศราคาพร้อมวางจำหน่าย ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ เจเนอเรชันที่ 10 อย่างเป็นทางการ โดยรุ่น TURBO EL ราคา 1.475 ล้านบาท รุ่น HYBRID ราคา 1.639 ล้านบาท และรุ่น HYBRID TECH ราคา 1.799 ล้านบาท

ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีแห่งยนตรกรรมยุคใหม่ ทั้งเทคโนโลยีการขับเคลื่อนและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย
มาพร้อมดีไซน์ใหม่ทั้งภายนอกและภายในที่ผสมผสานเอกลักษณ์ความหรูหราและความสปอร์ตไว้ได้อย่างลงตัว  พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย มาพร้อมสิทธิพิเศษ ที่พร้อมสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ทั้งโปรแกรมการให้บริการพิเศษด้านคุณภาพรถยนต์ ฮอนด้า อัลติเมท แคร์ (Honda Ultimate Care) ด้วยการขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 40,000 กิโลเมตร รวมเป็น 5 ปี หรือ 140,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) พร้อมด้วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 24 ชั่วโมง (Honda 24hr Roadside Assistance) และพิเศษยิ่งขึ้นในรุ่นไฮบริดกับการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็คระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร (อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน) โดยฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ รุ่นเทอร์โบ พร้อมส่งมอบอย่างเป็นทางการ และพบกับรุ่นไฮบริดได้ในเดือนกรกฎาคม 2562

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ฮอนด้า แอคคอร์ด นับเป็นรถยนต์ที่เป็นผู้นำในการนำเทคโนโลยียนตรกรรมใหม่ๆ เข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์ อีกทั้งเป็นหนึ่งในผู้นำด้านยอดขายใน D-segment มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในวันนี้การประกาศราคา พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการของฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นตลาดในภาพรวมให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง และฮอนด้า เชื่อมั่นว่า ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ จะเป็นยนตรกรรมสปอร์ตพรีเมียมซีดานที่พร้อมตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้า ด้วยเทคโนโลยีอันล้ำสมัยทั้งขุมพลังการขับเคลื่อนและเทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยที่ลงตัวกับดีไซน์สไตล์สปอร์ตและหรูหราสง่างามเหนือระดับ ซึ่งจะมาสร้างโลกบทใหม่แห่งยนตรกรรมที่ก้าวล้ำไปอีกขั้น”

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มาพร้อม 2 ขุมพลังการขับเคลื่อน ได้แก่ เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร Di VTEC TURBO ให้กำลังสูงสุด 190 แรงม้า ตอบสนองได้ทันใจด้วยแรงบิด 243 นิวตัน-เมตร จากเทคโนโลยีไดเรคอินเจคชัน (Direct Injection) ประสานการทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังกว่าเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร และให้อัตราการประหยัดน้ำมันที่ 16.4 กิโลเมตร/ลิตร ซึ่งดีกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตรในรุ่นเดิม โดยเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และรองรับน้ำมัน E85 ได้อีกด้วย

ระบบขับเคลื่อน Sport Hybrid Intelligent Multi-Mode Drive (i-MMD) เป็นการทำงานของเครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร Atkinson-Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ทรงพลัง 2 ตัว พร้อมด้วยเกียรอัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) และแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ให้กำลังสูงสุดทั้งระบบได้ถึง 215 แรงม้า สามารถปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ได้อย่างอัจฉริยะ เพื่อตอบสนองทุกการขับขี่ โดยระบบ Sport Hybrid i-MMD ใหม่ เป็นระบบ Full Hybrid ที่ให้สมรรถนะการขับขี่ที่ทรงพลังและอัตราการประหยัดน้ำมันที่ดีเยี่ยมสูงถึง 24.4 กิโลเมตร/ลิตร อีกทั้งเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้วยอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพียง 97 กรัม/กิโลเมตร มาพร้อมเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะ ฮอนด้า เซนส์ซิ่ง (Honda SENSING) ประกอบด้วย

  • ระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันพร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (Adaptive Cruise Control with Low-Speed Follow: ACC with LSF)
  • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
  • ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning : RDM with LDW)
  • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)

พร้อมด้วยระบบความปลอดภัยอันล้ำสมัยระดับพรีเมียม อาทิ ระบบเตือนเมื่อมีรถเคลื่อนผ่านขณะถอย (Cross Traffic Monitor: CTM) ระบบกล้องมองภาพรอบทิศทาง (Multi-View Camera System: MVCS) ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ พร้อมระบบช่วยเบรก (Honda Smart Parking Assist System) เป็นต้น

อีกขั้นของดีไซน์ภายนอกและภายในห้องโดยสารที่ได้รับการออกแบบอย่างประณีต ผสมผสานเอกลักษณ์ความสปอร์ตพรีเมียมได้อย่างลงตัว พร้อมตอบสนองไลฟ์สไตล์การใช้งานที่หลากหลายของลูกค้าด้วยฟังก์ชันและเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกอันล้ำสมัย อาทิ ระบบแสดงข้อมูลบนกระจกหน้า (Head-Up Display : HUD) มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ  Apple CarPlay และระบบสั่งการด้วยเสียง SIRI และอุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) เป็นต้น

ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด  4 สี ได้แก่ สีใหม่ สีขาวแพลทินัม (มุก) สีดำคริสตัล (มุก) สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก) และสีเทาโมเดิร์นสตีล (เมทัลลิก) มาพร้อมสีภายในห้องโดยสาร 3 สี ได้แก่ สีไอวอรี่เบจ สีดำ และสีน้ำตาล (เฉพาะรุ่น HYBRID TECH) ซึ่งขึ้นอยู่กับสีตัวรถภายนอก โดยมีให้เลือก 3 รุ่น ได้แก่

  • รุ่น HYBRID TECH ราคา 1,799,000 บาท
  • รุ่น HYBRID ราคา 1,639,000 บาท
  • รุ่น TURBO EL ราคา 1,475,000 บาท

ทั้งนี้  สามารถยกระดับความโดดเด่นและเพิ่มเติมความสปอร์ตเร้าใจในสไตล์คุณได้อีกขั้นด้วยชุดอุปกรณ์ตกแต่งระดับพรีเมียมโมดูโล (Modulo) รอบคัน ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 3 แพ็กเกจ ได้แก่

  • Modulo Aero Supreme Package ราคา 43,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น สปอยเลอร์หลัง แบบดักเทล กระจังหน้าแบบสปอร์ต และคิ้วกันชนหลังโครเมียม
  • Modulo Aero Sport Package ราคา 30,900 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง สเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น และสปอยเลอร์หลัง แบบดักเทล
  • Modulo Aero Smart Package ราคา 22,500 บาท ประกอบด้วย สเกิร์ตหน้า แบบ 2 ชิ้น สเกิร์ตข้าง
    และสเกิร์ตหลัง แบบ 2 ชิ้น

รายละเอียดอุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติมสามารถอ่านได้จาก https://hondaaccess.co.th/line-up/honda-accord/

สิทธิพิเศษสำหรับลูกค้า เมื่อจอง ฮอนด้า แอคคอร์ด ใหม่ รุ่น TURBO EL ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 –       31 พฤษภาคม 2562 และรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 – 31 กรกฏาคม 2562 หรือเมื่อจองฮอนด้า แอคคอร์ด ไฮบริด ใหม่ รุ่น HYBRID หรือ HYBRID TECH ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 – 30 มิถุนายน 2562 และรับรถยนต์ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 – 31 สิงหาคม 2562 รับนาฬิกา Garmin ( Garmin Smartwatch) Limited Edition รุ่น Forerunner 645 Music สี Slate มูลค่า 16,990 บาท

Comments are closed.