Honda Rebel รุ่นแรกถือกำเนิดขึ้นในปี 1985 ในยุคที่รถสไตล์ครุยเซอร์กำลังครองเมือง โดยฮอนด้าได้เปิดตัว Rebel ในรหัส CMX250 วางเป้าหมายหวังขยายตลาดสู่กลุ่มนักบิดรุ่นใหม่ที่ชื่นชอบรถสไตล์นี้ Honda Rebel ภายใต้รหัส CMX250 มาพร้อมเครื่องยนต์พิกัด 250 ซีซี ให้การขับขี่ที่นุ่มนวล แม้แต่มือใหม่ก็ขี่ได้ไม่ยาก ช่วงระหว่างปี 1985-1996 Honda Rebel จึงกลายเป็นครุยเซอร์หนึ่งเดียวจากญี่ปุ่น ที่สามารถยืนหยัดต่อกรกับเหล่าตัวเลือกรถครุยเซอร์สัญชาติอเมริกันได้อย่างสูสีถึงขนาดที่ว่านิตยสารชั้นนำในยุคนั้นอย่าง Motorcyclist ยังยกย่องให้ Honda Rebel เป็นรถจักรยานยนต์ที่มีความสมบูรณ์แบบรุ่นหนึ่งในยุค 80s เลยทีเดียว
ตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมา ฮอนด้าได้พัฒนา Rebel ออกมาอีกหลายรุ่น จนถึงยุคโมเดิร์นในปี 2016 ฮอนด้าเปิดตัว Rebel 300 และ Rebel 500 พร้อมปรับโฉมตัวรถให้ดูร่วมสมัยมากขึ้นในสไตล์ Custom Bobber พร้อมกับเครื่องยนต์ที่ใหญ่ขึ้นเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในรูปแบบทัวริ่งได้มากขึ้น ก่อนจะมีการปรับดีไซน์เพิ่มความทันสมัยพร้อมติดตั้งเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไปในปี 2020
ล่าสุด Honda ได้เปิดตัว New Honda Rebel 1100 รถบิ๊กไบค์ในสไตล์ Custom Bobber ออกสู่ตลาดโลก โดยถูกวางตำแหน่งให้เป็นรถเรือธงของตระกูล Rebel Series ทั้งหมด ตัวรถพัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซปต์ “Ride Your Rule ขบถ…เพื่อกำหนดนิยามใหม่” โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ความลงตัวของขุมพลังจากเครื่องยนต์ขนาด 1,100ซีซี 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ ผสานรูปลักษณ์ของรถที่ให้ความดิบ ดุดัน และความเท่อย่างลงตัว
New Honda Rebel 1100 ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อการขับขี่ของไบค์เกอร์ยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้ง Assist Slipper Clutch ในรุ่น MT หรือเลือกสนุกไปกับเทคโนโลยี Dual Clutch Transmission ในรุ่น DCT ก็ได้ ควบคุมแม่นยำทุกครั้งที่ขับขี่ด้วยระบบคันเร่งไฟฟ้าที่มาพร้อมการขับขี่ 4 โหมด ขับขี่สนุก มั่นใจในการปลดปล่อยความแรงด้วยระบบ Wheelie Control ป้องกันล้อหน้ายกขณะบิดคันเร่ง และรองรับการเดินทางไกลด้วยระบบ Cruise Control ควบคุมความเร็วได้ตามต้องการ
New Honda Rebel 1100 แบ่งเป็นสองรุ่นย่อย โดยรุ่น MT วางจำหน่ายด้วยราคา 399,000 บาท และรุ่น DCT ราคา 429,000 บาท ผู้สนใจสามารถติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์บริการ ฮอนด้า บิ๊กวิง ทั่วประเทศ หรือช่องทางออนไลน์ที่
เว็บไซต์ : www.hondabigbike.com