ซูซูกิ เซียส รถอีโคคาร์ซีดานที่ทำตลาดในประเทศไทยมาแล้วกว่า 5 ปี ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาก็มีการปรับปรุงตัวสินค้าเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่ได้รับความนิยมมากสุด เคยทำยอดขายภายใน 1 ปี ได้มากถึง 15,000 คัน การขยับปรับเปลี่ยนสินค้าเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มความสดใหม่ให้สินค้า ช่วยให้ ซูซูกิ เซียส เป็นโปรดักซ์ที่มียอดขายเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ
ล่าสุดก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และน่าจะเรียกได้ว่าไมเนอร์เชนจ์ได้อย่างเต็มปาก แม้จะไม่ถึงขั้นเรียกได้ว่า บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ จนถึงขั้นปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ไปจนถึงปรับจูนสมรรถนะก็ตาม แต่การปรับรูปลักษณ์ให้ดูสปอร์ตและลงไปจับกลุ่มลูกค้าที่อายุน้อยลงกว่าเดิมก็ดูน่าสนใจไม่น้อย
ซูซูกิ เซียส ไมเนอร์เชนจ์ ถูกปรับเปลี่ยนให้ดูสะดุดตาด้วย กระจังหน้าสไตล์สปอร์ต เสริมด้วยเส้นขอบโครเมียม ทั้งบนและล่าง เชื่อมเข้ากับไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED พร้อมไฟหรี่แบบ LED ดีไซน์พิเศษ ไฟตัดหมอกด้านล่างล้อมด้วยกรอบโครเมียม พร้อมชุดแต่งสปอร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลังไดนามิก ไฟท้ายดีไซน์เดิมแต่ดูเหมือนจะปรับลายข้างในใหม่ ใส่ Emblem RS สีน้ำเงิน เข้ามาดูแปลกตา
แต่ส่วนหนึ่งต้องบอกว่า ชุดแต่งสีโครเมียมที่เติมความหรูหรา แต่กลับลดคุณค่าความสปอร์ตที่พยายามนำเสนอลง แม้จะบอกว่าสำรวจตลาดมาแล้วก็ตาม แต่แอบคิดว่า ซูซูกิยังไม่อยากทิ้งลูกค้ากลุ่มเดิมที่เป็นวัยกลางคนที่ชื่นชอบอะไรสไตล์นี้อยู่สักเท่าไหร่นัก
การปรับเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอย่างกล้องมองหลัง พร้อมเซนเซอร์ถอยหลังเตือนการชนถึง 4 จุดในรุ่น RS ดูช่วยยกระดับความปลอดภัยในการขับขี่มากขึ้น
ภายในไม่ได้มีการปรับเปลี่ยน แต่คงไว้ซึ่งความอรรถประโยชน์เดิมของ ซูซูกิ เซียส กว้างขวาง สะดวกสบาย พื้นที่ห้องโดยสารมีให้ใช้งานเหลือเฟือ ช่องวางเครื่องดื่ม 8 ตำแหน่ง พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ กว้างถึง 565 ลิตร
ในรุ่น RS เบาะนั่งเป็นหนังคุณภาพดี ส่วนในรุ่นรองลงมาเป็นเบาะผ้า พวงมาลัยแบบหุ้มหนัง พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง
Suzuki Smart Connect เชื่อมต่อทุกความบันเทิงด้วยจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว พร้อมฟังก์ชั่นเชื่อมต่อ Bluetooth และระบบนำทาง รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ทโฟน Apple CarPlay
ความปลอดภัย ในตัวท็อปยังอัดแน่นมาตามราคาระบบเบรก ABS/EBD ถุงลมนิรภัยคู่หน้า SRS ระบบ NVH ช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก และลดแรงสั่นสะเทือน เพื่อความนุ่มนวลตลอดการขับขี่ โครงสร้างตัวถัง (TECT) ออกแบบพิเศษจากเหล็กกล้าทนทานสูง กุญแจนิรภัย Immobilizer รวมไปถึง Keyless Entry และ Keyless Push Start
สมรรถนะ เซียส คงไว้ซึ่งความประหยัดจากเครื่องยนต์ รหัส K12B ขนาด 1.2 ลิตร กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที เน้นการใช้งานในแบบรถอีโคคาร์ ไม่ใช่รถที่เร่งพลังได้ปรู๊ดปร๊าด เหมือนเครื่องยนต์เทอร์โบยุคใหม่ แต่ให้กำลังที่ตอบโจทย์ได้ตามสไตล์รถครอบครัว
ช่วงล่างด้านหน้าแบบแม็คเฟอร์สัน สตรัท ด้านหนังแบบทอร์ชั่นบีม เซ็ทมาให้นุ่มนวลชวนฝัน ขับเร็วเข้าโค้งแรงมีอาการออกบ้างเล็กน้อย พวงมาลัยแร็คแอนด์พิเนี่ยน น้ำหนักดีค่อนข้างจะให้ควาแม่นยำในการควบคุม
เส้นทางการทดสอบ ไปกลับ เชียงใหม่-แม่แตง ระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ผ่านชุมชนและทางคดเคี้ยว เรื่องความคล่องตัวถือว่าผ่าน แต่ช่วงเข้าโค้งและจังหวะเร่งแซง ต้องค่อนข้างจะรู้จังหวะของเกียร์และเครื่องยนต์เพื่อให้สามารถเรียกพลังได้อย่างไหลลื่น
แอร์คอนดิชั่นภายในรถทำงานได้ดี แอร์แถวหลังช่วยลดความร้อนแรงของอากาศภายนอกได้มาก ความกว้างและนั่งสบายของเบาะยังให้เป็นจุดเด่น เช่นเดียวกับเรื่องความเงียบภายในห้องโดยสารยังเป็นความโดดเด่นเป็นที่สุด
ส่วนเรื่องราคา รถซีดานอีโคคาร์คันนี้วางราคาพิเศษช่วงแนะนำทำตลาดมาแข่งขันได้แบบไม่เกรงฟ้า เกรงฝน แถมยังแทบจะเป็นค่ายเดียวในกลุ่มรถอีโคคาร์ที่ลุยเจาะตลาดด้วยรถเกียร์ธรรมดา ด้วยรุ่น GL MT ราคา 5.23 แสนบาท รุ่น GL CVT ราคา 5.59 แสนบาท รุ่น GLX CVT ราคา 6.25 แสนบาท และ รุ่นท็อป RS CVT ราคา 6.75 แสนบาท
อัดด้วยโปรโมชั่น ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่า 40,000 บาท พร้อมบัตรเติมน้ำมัน มูลค่า 10,000 บาท อีกด้วย
สรุปสุดท้าย ซูซูกิ เซียส ไมเนอร์เชนจ์ จุดเด่น คือ ความกว้างขวาง สะดวกสบาย ประหยัดน้ำมัน ตามราคาคุย จุดด้อย คือ อายุผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในตลาดมานานถ้าเทียบกับคู่แข่ง เครื่องยนต์อาจไม่ทันสมัยเท่ารุ่นใหม่ แต่ถ้าไปเทียบกับบ้างเจ้าในตลาดที่ยังใช้เครื่องยนต์เดิมเช่นกัน ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหามากนัก เหมาะกับคนที่ชอบความคุ้มค่า ในราคาที่เข้าถึงได้ไม่ยาก